การประท้วงของผู้พิทักษ์ (The Contested Guardianship) : การสู้รบเพื่อสิทธิ์ในการปกครองของจักรพรรดิเป็ดรูที่สอง

 การประท้วงของผู้พิทักษ์ (The Contested Guardianship) : การสู้รบเพื่อสิทธิ์ในการปกครองของจักรพรรดิเป็ดรูที่สอง

ในแวดวงประวัติศาสตร์ของบราซิล ชื่อของจักรพรรดิเป็ดรูที่สอง มักถูกจดจำผ่านภาพลักษณ์ของผู้ปกครองที่มีความก้าวหน้าและชาญฉลาด แต่มีเรื่องราวหนึ่งซึ่งมักถูกละเลย และเรื่องราวนั้นทำให้เราได้เห็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตของพระองค์: การประท้วงรุนแรงของผู้พิทักษ์

หลังจากที่จักรพรรดิเป็ดรูที่สอง เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 1840 พระองค์ทรงดำเนินนโยบายการปฏิรูปอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การยกเลิกการเป็นทาส ไปจนถึงการส่งเสริมการศึกษาและเศรษฐกิจ ทว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจเดิมที่ได้เคยครอบครองชนชั้นต่ำ และคอยควบคุมชีวิตของประชาชนอย่างเข้มงวด

ในปี 1842 เมื่อจักรพรรดิเป็ดรูที่สองทรงต้องการแต่งตั้ง “ฟรานซิสโก เด เปาล่า อินเทิร์โร” ขุนนางผู้มีความรู้ความสามารถและจิตใจเปิดกว้าง เป็นผู้พิทักษ์ของพระองค์ กลุ่มขุนนางเก่าก็ระดมพลกัน และประกาศประท้วงอย่างรุนแรง

พวกเขาคัดค้านการแต่งตั้งฟรานซิสโก โดยอ้างว่า ฟรานซิสโก ไม่ใช่คนจากวงศ์ตระกูลผู้สูงศักดิ์ และไม่มีสิทธิ์ที่จะใกล้ชิดกับจักรพรรดิ จึงเป็นภัยต่อความมั่นคงของราชวงศ์

เหตุการณ์การประท้วงของผู้พิทักษ์ นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนจักรพรรดิเป็ดรูที่สอง และฝ่ายอนุรักษนิยม

สาเหตุของความขัดแย้ง:

กลุ่ม จุดยืน
ฝ่ายสนับสนุนจักรพรรดิ เชื่อว่า การแต่งตั้งฟรานซิสโก เป็นการเลือกผู้ที่มีความสามารถและจิตใจกว้างไตรอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาประเทศ
ฝ่ายอนุรักษนิยม คิดว่า ฟรานซิสโก ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้พิทักษ์ เนื่องจากไม่ได้มาจากวงศ์ตระกูลผู้สูงศักดิ์ และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของราชวงศ์

ในที่สุด จักรพรรดิเป็ดรูที่สองทรงยืนกรานในการแต่งตั้งฟรานซิสโก เด เปาล่า อินเทิร์โร

การประท้วงของผู้พิทักษ์ เป็นตัวอย่างชัดเจนถึงความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอนุรักษนิยม และกลุ่มที่สนับสนุนการปฏิรูปในบราซิลในช่วงศตวรรษที่ 19

เหตุการณ์นี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของจักรพรรดิเป็ดรูที่สอง ในการนำประเทศไปสู่ยุคใหม่ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น

แม้ว่าประท้วงครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่ก็ได้เปิดเผยความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์ในสังคมบราซิล และเป็นตัวเร่งให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองและสังคมอย่างรวดเร็ว